Information System Analysis and Design

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด

บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด เดิมจดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2527 เพื่อประกอบกิจการโรงงานผลิตโยเกิร์ต   และโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ภายใต้ชื่อ "ผลิตภัณฑ์ ดัชมิลล์ (Dutch Mill)" โดยเริ่มจากเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ หมู่บ้านสหกรณ์คลองกุ่ม กรุงเทพฯ สินค้าตัวแรกที่ทางบริษัททำการผลิต คือ โยเกิร์ต มี 4 รส คือ รสส้ม รสสตรอเบอรี่ รสสับปะรด และรสธรรมชาติ ทั้งได้ทำการทดลองวางตลาดโดยวางจำหน่ายใน ซุปเปอร์มาร์เก็ตบนถนนสุขุมวิท และเพชรบุรีตัดใหม่ ภายในเวลาเพียง 3 เดือน ก็ได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ชาวต่างชาติ โดยมี บริษัทโปรมาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

วัตถุประสงค์องค์กร
เพื่อผลิต ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตและโยเกิร์ตพร้อมดื่ม รูปแบบโฮมเมดที่มีคุณภาพ และความหลากหลายเทียบเท่าร้านโยเกิร์ตชั้นนำ และเพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตและโยเกิร์ตพร้อมดื่ม

วิสัยทัศน์
เป็นผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตและโยเกิร์ตพร้อมดื่ม

พันธกิจ
1.  มุ่งพัฒนากระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
2.  มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด
3.  มุ่งพัฒนาพนักงานทุกระดับให้มีประสิทธิภาพ โดยการส่งเสริมและแบ่งปันการเรียนรู้ทั่วทั้งองค์กร
4.  ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้แก่ ผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า ผู้ส่งมอบและชุมชนอย่างเป็นธรรม
5.  รับผิดชอบต่อสังคมด้วยการลดการสร้างมลภาวะที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนชุมชน

ค่านิยมองค์กร
ยึดถือแนวปฏิบัติ C-P-R-A-M 5 ประการ ได้แก่
1.  C-Creative คิดสร้างสรรค์
2.  P-Productive หมั่นสร้างผลงาน
3.  R-Relationship สานมนุษย์สัมพันธ์
4.  M-Moral มีคุณธรรม
5.  A-Attitude ทัศนคติที่ดี
6.  วัฒนธรรมองค์กรการทำงานเป็นทีมและ การบริหารจัดการอย่างคล่องตัว

แผนกขาย
หน้าที่ของแผนกขาย
                มีหน้าที่ในการบริการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้า  โดยแผนกขายจะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มาสั่งซื้อ  และข้อมูลการสั่งซื้อ

ปัญหาของแผนกขาย
       1.  เอกสารมีจำนวนมาก  ทำให้การจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ  ซึ่งมีเอกสารดังนี้
                1.1  เอกสารข้อมูลลูกค้า
                1.2  เอกสารข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า
                1.3  เอกสารเกี่ยวกับสินค้า
2.   เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสาร  เพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
3.   ค้นหาเอกสารได้ยาก  เนื่องจากเอกสารมีเยอะและจัดเก็บไว้หลายที่
4.   ข้อมูลมีการสูญหาย  เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเอกสารที่ต้องการอยู่ตรงไหน  เนื่องจากการเก็บเอกสารยังไม่เป็นระบบอาจทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
5.  ข้อมูลมีความซ้ำซ้อน  เนื่องจากลูกค้า 1 ท่านมาซื้อสินค้าหลายครั้ง  แต่พนักงานขายก็เก็บข้อมูลทุกครั้ง  ทำให้มีเอกสารซ้ำซ้อน
6.  ข้อมูลมีความแตกต่าง  เนื่องจากในการให้ข้อมูลของลูกค้าแต่ละครั้งมีความเปลี่ยนแปลงเช่น  เบอร์โทรศัพท์  ที่อยู่  เพราะลูกค้าอาจจะมีเบอร์โทรศัพท์หลายเบอร์และมีการย้ายสถานที่อยู่เรื่อย 

แผนกบัญชี
หน้าที่ของแผนกบัญชี

                มีหน้าที่ในการจัดเก็บเงินค่าสินค้าและจัดทำบัญชีของบริษัทพร้อมทั้งทำรายงานงบการเงินเสนอผู้บริหาร  โดยรับข้อมูลการสั่งซื้อจากแผนกขาย
ปัญหาของแผนกบัญชี
        1.  เอกสารมีจำนวนมาก  และจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ 
2.    เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสาร  เพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
3.   ค้นหาเอกสารได้ยาก  เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ
4.  เอกสารสูญหาย  เพราะเอกสารมีจำนวนมาก และเอกสารส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการเงิน หากสูญหายอาจทำให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างมาก
5.   การตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินทำได้ช้า ไม่สะดวกรวดเร็ว
6.   ข้อมูลอาจเกิดการผิดพลาดได้ถ้าเอกสารไม่ถูกต้องหรือเอกสารสูญหาย
7.  รายงานทางการเงินที่ทำโดยมือจะทำให้เข้าใจได้ยาก เนื่องจากลายมือหรือรูปแบบของรายงานเพราะจะมีความหลากหลายและมีความแตกต่างกันไป

แผนกคลังสินค้า
หน้าที่ของแผนกคลังสินค้า

                    มีหน้าที่ในการตรวจสอบสินค้าและรับข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า จากแผนกขายสินค้าเพื่อส่งไปยังแผนกจัดส่งสินค้า

ปัญหาของแผนกคลังสินค้า
1.   เอกสารข้อมูลสินค้ามีจำนวนมาก  เนื่องจากสินค้ามีหลายชนิดและหลายขนาด  ทำให้การจัดเก็บเอกสารไม่เป็นระเบียบ
2.  เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสาร  เพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
3.   ค้นหาเอกสารข้อมูลสินค้าได้ยาก  เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ
4.    ในการเช็คสต็อกอาจเกิดความผิดพลาดขึ้น  เนื่องจากสินค้าจัดเก็บอยู่หลายที่ทำให้อาจลืมเช็คได้
5.    ข้อมูลสินค้าสูญหายทำให้จำนวนสินค้าภายในคลังสินค้าอาจไม่พอหรือว่ามีจำนวนสินค้ามากเกินไป  เนื่องจากไม่สามารถเช็คได้ว่าในคลังสินค้ามีจำนวนสินค้าอยู่เท่าไร

แผนกจัดส่งสินค้า
หน้าที่ของแผนกจัดส่งสินค้า

                มีหน้าที่ในการจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าหรือผู้บริโภค  โดยรับสินค้าจากแผนกคลังสินค้า

ปัญหาของแผนกจัดส่งสินค้า
1.  เอกสารข้อมูลสินค้ามีจำนวนมาก  เนื่องจากสินค้ามีหลายชนิดและหลายขนาด  ทำให้การจัดเก็บเอกสารไม่เป็นระเบียบ
2.  เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสาร  เพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
ค้นหาเอกสารข้อมูลสินค้าได้ยาก  เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ
3.  ถ้าข้อมูลสูญหายจะทำให้ไม่สามารถไปจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้     อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ
4.  ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าอาจใช้เวลานานเนื่องจากต้องมีการค้นหาข้อมูลลูกค้าก่อน
5.   ข้อมูลมีความแตกต่าง  เช่น  ลูกค้ามีที่อยู่หลายที่ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าจะจัดส่งสินค้าให้ที่ไหน

ปัญหาระหว่างแผนกขายกับแผนกบัญชี
1.  ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารในการสั่งซื้อสูญหาย แผนกบัญชีจะไม่ทราบยอดการสั่งซื้อ
2.  ในกรณีที่แผนกขายทำเอกสารใบชำระเงิน  ของลูกค้าสูญหายแผนกบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าจ่ายเงินหรือยัง
3.  ในกรณีที่แผนกขายได้ขายสินค้าไปโดยไม่ได้แจ้งให้แผนกบัญชีทราบจะทำให้ยอดขายกับยอดการเงินไม่เท่ากัน

ปัญหาระหว่างแผนกขายกับแผนกคลังสินค้า

1.  ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้า ทำให้เมื่อแผนกขายจะขายสินค้าก็จะไม่ทราบว่าสินค้ามีจำนวนเพียงพอกับการขายหรือไม่
2.  ในกรณีที่แผนกขายไม่ได้ส่งยอดการสั่งซื้อและการสั่งจองในบางกรณีของลูกค้าให้แผนกคลังสินค้าทราบ  ทำให้แผนกคลังสินค้าไม่ทราบว่าจะต้องมีการสั่งซื้อสินค้ามาเพิ่มหรือไม่  เพื่อให้เพียงพอสำหรับการขาย

ปัญหาระหว่างแผนกขายกับแผนกจัดส่งสินค้า

                ถ้าแผนกขายทำเอกสารการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าหายจะทำให้แผนกจัดส่งสินค้าไม่ทราบว่าจะส่งสินค้าให้กับลูกค้าไม่ได้

ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีกับแผนกคลังสินค้า

                ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ได้แจ้งยอดการคลังสินค้าให้แผนกบัญชีทราบ  แผนกบัญชีก็ไม่สามารถทำงบการเงินได้  เพราะจะต้องทราบยอดสินค้าคงเหลือของแต่ละงวด

ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีกับแผนกจัดส่งสินค้า

                ถ้าแผนกจัดส่งสินค้าไม่ส่งสินค้าให้กับลูกค้า  แล้วไม่แจ้งการชำระเงินของลูกค้าให้แผนกบัญชีทราบ  แผนกบัญชีก็จะไม่ทราบว่าลูกค้าชำระเงินแล้ว

ปัญหาระหว่างแผนกคลังสินค้ากับแผนกจัดส่งสินค้า

                                ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้า  ว่ามีพอสำหรับการจัดส่งสินค้าหรือไม่  แผนกจัดส่งสินค้าก็อาจจะไม่มีสินค้าไปจัดส่งให้กับลูกค้า

ลักษณะของสถานประกอบการหรือแหล่งรายรับ-รายจ่าย

·                    รายรับที่ทางบริษัทได้รับคือ ได้จากการขายสินค้าและการสมัครสมาชิกของลูกค้า
·                    รายจ่ายเกิดจากการสั่งซื้อสินค้า วัตถุดิบในการผลิตและวัสดุอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ของบริษัท

ตารางแสดงรายการการทำงาน(Functions)หรือกิจกรรมทั้งหมดของบริษัท
แสดงการจำแนกกิจกรรม(Activites)  ของหน้าที่ของการทำงาน (Functions) ในบริษัท
Business Functions                               Supporting Functions

---------------------------------------------------------------
ขั้นที่  1
(Project Identification and Selection)

1.  ค้นหาโครงการที่ต้องการพัฒนา

                จากการค้นหาโครงการของแผนกต่าง ๆ  สามารถรวบรวมโครงการพัฒนาระบบได้ทั้งหมด  4  โครงการดังนี้

2.  จำแนกและจัดกลุ่มโครงการที่ค้นหามา

เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ของโครงการทั้ง  4  แล้ว  พบว่าล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์กับบริษัทจึงจำเป็นต้องคัดเลือกโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทมากที่สุด  ดังนั้นจึงเริ่มต้นด้วยการนำโครงการทั้ง 4 มาเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อค้นหาโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด  และสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัทได้  ดังรายละเอียดของตารางต่อไปนี้
3.  เลือกโครงการที่เหมาะสม   (Selecting)
                จากตารางเปรียบเทียบโครงการตามวัตถุประสงค์ของบริษัทพบว่าโครงการพัฒนาระบบการขายตรงตามวัตถุประสงค์ของบริษัทมากที่สุด  แต่เนื่องจากเมื่อพิจารณาถึงงบประมาณและสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทแล้วเห็นควรว่าจะต้องนำโครงการทั้ง  4  มาพิจารณาตามข้อจำกัดเพิ่มเติมได้แก่  ขนาดของโครงการ  และผลประโยชน์ที่จะได้รับ  เนื่องจากหากโครงการใดมีขอบเขตกว้างหรือมีขนาดใหญ่หมายถึงต้องใช้งบประมาณสูง  ทำให้เกิดต้นทุนสูงซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่สามารถทำได้  แสดงรายละเอียดในตารางต่อไปนี้

ตารางเมตริกซ์  Information System –to-Objectives


ตารางที่  4   เมตริกซ์  Information System –to-Objectives
                จากการพิจารณาโครงการทั้ง  4  โครงการตามวัตถุประสงค์  ขนาดโครงการ   และผลประโยชน์  จะพบว่าโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์  และให้ผลประโยชน์แก่บริษัทมากที่สุดคือ  โครงการพัฒนาระบบคลังสินค้า    จึงปฏิเสธโครงการทั้ง   3 ระบบ  ถึงแม้ว่าจะให้ผลประโยชน์และสามารถนำบริษัทไปสู่เป้าหมายได้ แต่ทางผู้บริหารให้ชะลอไว้ก่อน  เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่จึงต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก 


แนวทางเลือกเพื่อนำระบบใหม่มาใช้งาน โดยจะบอกถึงรายระเอียดของระบบที่จะพัฒนามีดังนี้ ระบบงานคลังสินค้า  ระบบการขาย  ระบบบัญชี  ระบบจัดส่งสินค้า โดยมีแนวทางเลือกจำนวนทั้งสิน 2 ทางเลือก
1.จ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ
2.ให้ทีมงานของเราพัฒนาระบบเอง

 
สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร
ทางทีมงานผู้บริหารได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางใช้ทีมงานเดิมพัฒนาเอง
เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด  นอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานหรือรองรับการเปลี่ยนแปลงการทำงานในระบบได้ และสามารถคอยกำกับดูแลการทำงานให้ตรงไปตามวัตถุประสงค์ได้อย่างที่วางไว้

---------------------------------------------------------------
ขั้นที่  2

                 (Project Planning)  

เป้าหมาย

                นำระบบสาระสนเทศเพื่อการบริหารคลังสินค้ามาใช้งานในบริษัทเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัตถุดิบ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายในการรักษาวัตถุดิบ

วัตถุประสงค์

                โครงการพัฒนาระบบคลังสินค้ามีวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานเพื่อวิเคราะห์  ออกแบบ  และพัฒนาให้เป็นระบบคลังสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ 

ขอบเขตของระบบ

                โครงการพัฒนาระบบคลังสินค้าได้มีการจัดทำขึ้นโดยทีมงานพัฒนาสารสนเทศภายในบริษัทเอง(In-House Development)   พร้อมนี้ได้กำหนดขอบเขตของระบบนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.               ระบบจะต้องแบ่งการทำงานอย่างชัดเจน  แต่ข้อมูลสามารถเชื่อมโยงกันได้
2.               ระบบจะต้องรองรับการทำงานแบบ  Multi-User  ได้
3.               ระบบจะต้องใช้งานง่ายและสะดวก

ปัญหาที่พบจากระบบเดิม
                1.  การเก็บรวบรวมข้อมูลวัตถุดิบและการค้นหาข้อมูลวัตถุดิบเกิดความซ้ำซ้อน
                2.  การจัดเก็บข้อมูลของสินค้าไม่เป็นระบบ
                3.  ข้อมูลที่ได้ไม่มีความชัดเจนและแน่นอน
                4.เนื่องจากเป็นระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอยู่ตลอดเวลาทำให้ข้อมูลเกิด      ความเสียหายและสูญหายได้
                5.  การทำงานของพนักงานแต่ละฝ่ายไม่มีความแน่นอน
ความต้องการในระบบใหม่ 

                ความต้องการในระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้  คือ
1.               ความรวดเร็วของระบบใหม่ในการทำงาน
2.               สามารถเก็บ  และตรวจสอบวัตถุดิบได้
3.               สามารถเพิ่ม แก้ไข  เปลี่ยนแปลงข้อมูลของวัตถุดิบและข้อมูลคลังสินค้าได้
4.               การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานทุกฝ่ายเช่น บัญชี  พนักงานขาย  พนักงานเช็คสต็อก  พนักงานจัดส่งสินค้า  เป็นต้น
5.               การจัดทำรายงานสรุปที่สะดวกรวดเร็วในการเสนอต่อผู้บริหารหรือผู้จัดการ

ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบใหม่

1.               องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
2.               องค์กรสามารถตัดสินใจในการซื้อวัตถุดิบได้
3.               องค์กรมีผลการดำเนินการที่ดีขึ้น
4.               ขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ที่มีความรวดเร็ว
5.               ขั้นตอนการซื้อวัตถุดิบ-รับคืนวัตถุดิบ  มีความถูกต้อง ชัดเจนและรวดเร็วในการทำงาน
6.               สามารถจัดเก็บข้อมูลวัตถุดิบ ทำให้การสั่งซื้อวัตถุดิบได้รวดเร็วและถูกต้อง และมีเอกสารยืนยัน
7.               การทำงานของพนักงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
8.               สามารถรองรับการขยายตัวของบริษัทต่อไปได้

แนวทางในการพัฒนา
การพัฒนาระบบของบริษัทดัชมิลล์ จำกัด  เป็นการพัฒนาระบบในส่วนของการจัดซื้อวัตถุดิบเข้าสู่คลังสินค้า  และการส่งคืนวัตถุดิบไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องเช่น   การทำงานของพนักงานในแต่ละหน้าที่  ซึ่งบางครั้งการทำงานขั้นตอนต่าง ๆ อาจจะมีเอกสารหรือข้อมูลที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน  ดังนั้นจึงได้มีการวิเคราะห์ระบบใหม่เพื่อความสะดวกและมีประสิทธิภาพในการทำงาน   ก่อนที่เราจะมาวิเคราะห์ระบบเราจะต้องทำการจำลองหรือศึกษาขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่และข้อมูลทั้งหมดว่า  ระบบที่เราต้องการวิเคราะห์เหมาะสมกับระบบการทำงานเดิมของบริษัทหรือไม่ซึ่งจะแบ่งการทำงานออกเป็น 7  ขั้นตอน  ดังนี้

1.               การค้นหาและเลือกสรรโครงการ
2.               การเริ่มต้นและการวางแผนโครงการ
3.               การวิเคราะห์ระบบ
4.               การออกแบบเชิงตรรกะ
5.               การออกแบบเชิงกายภาพ
6.               การพัฒนาและติดตั้งระบบ
7.               การซ่อมบำรุงระบบ

ขั้นตอนที่  1 การค้นหาและเลือกสรรโครงการ ( Project Identification and Selection )

                เป็นขั้นตอนในการค้นหาโครงการเพื่อพัฒนาระบบใหม่ให้เหมาะสมกับระบบเดิมหรือให้เหมาะสมกับองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือต้องการระบบเพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานในส่วนที่เกิดความบกพร่องของบริษัท  เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำงานขององค์กร
                ดังนั้นจึงได้ยกตัวอย่างบริษัทที่ต้องการพัฒนาระบบคือบริษัทดัชมิลล์จำกัดข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  ในส่วนของระบบที่ต้องการแก้ไขคือ 
                -  การคลังสินค้าสินค้า
                -  การจัดซื้อจ่ายวัตถุดิบ
                -  การรับคืนวัตถุดิบ

ขั้นตอนที่  2  การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ

                เป็นขั้นตอนในการเริ่มต้นทำโครงการด้วยการเริ่มต้นจัดตั้งทีมงาน    ซึ่งเราจะต้องกำหนดหน้าที่ให้กับทีมงานแต่ละคนอย่างชัดเจนเพื่อร่วมกันสร้างแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งานและนอกจากขั้นตอนดังกล่าวแล้วยังมีขั้นตอนอื่นอีกมากที่เกี่ยวข้องซึ่งเราสามารถสรุปกิจกรรมในขั้นตอนนี้ได้ดังนี้
1.       เริ่มต้นทำโครงการ ก่อนเริ่มทำโครงการเราควรศึกษาระบบเดิมในการทำงานก่อน
2.                  กำหนดวัตถุประสงค์หรือทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้
3.                  วางแผนการทำงานของระบบใหม่

ขั้นตอนที่  3  การวิเคราะห์

1.ศึกษาขั้นตอนการทำงานของระบบเดิม  ดูว่าการทำงานของบริษัท  มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างไรและเหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบเดิม  และระบบที่เปลี่ยนแปลงนี้จะเปลี่ยนในส่วนของระบบคลังสินค้า
2.การรวบรวมความต้องการในระบบใหม่จากผู้ใช้ระบบ  ศึกษาหรือสอบถามข้อมูลของระบบเดิมจากพนักงานหรือผู้ใช้ระบบ
3. จำลองแบบความต้องการที่รวบรวมได้    เมื่อเรารวบรวมข้อมูลมาได้แล้ว                        ก็สามารถออกแบบจำลองดังกล่าวได้   ด้วยวิธีการใดก็ได้ที่นักวิเคราะห์ระบบนำมาใช้ในการทำงานของระบบ

ขั้นตอนที่  4  การออกแบบเชิงตรรกะ

                เป็นขั้นตอนในการออกแบบขั้นตอนการทำงานของระบบในแต่ละส่วนงานหรือแต่ละแผนกของงาน  ซึ่งในการออกแบบระบบ  ระบบงานที่ได้ในแต่ละส่วนจะไม่เหมือนกัน  ซึ่งอาจจะมีแบบฟอร์มหรือผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเราวิเคราะห์ขบวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่น ในการสั่งจ่ายวัตถุดิบก็จะมีแบบฟอร์มในการสั่งจ่ายวัตถุดิบให้กรอก  หรือแม้แต่แบบฟอร์มในการกรอกข้อมูลการรับคืนวัตถุดิบและการออกแบบฐานข้อมูลในโปรแกรมต่าง ๆ

ขั้นตอนที่  5  การออกแบบเชิงกายภาพ

                ในขั้นตอนนี้เป็นการทำงานของระบบในส่วนของเทคนิคของโปรแกรมหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงระบบอาจจะเป็นระบบเครือข่าย  ฐานข้อมูล  โปรแกรมสำเร็จรูป  เพื่อให้ผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าใจขั้นตอนการทำงานมากขึ้น  ซึ่งสิ่งที่ได้ในส่วนนี้จะเป็นแค่การออกแบบหลังจากนั้นจะทำการส่งให้โปรแกรมเมอร์ต่อไป 

ขั้นตอนที่   6   การพัฒนาและติดตั้งระบบ

                ขั้นตอนนี้จะนำข้อมูลเฉพาะในส่วนที่ต้องการออกแบบของระบบมาทำการเขียนโปรแกรม  เพื่อให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการของระบบงานใหม่  อาจนำโปรแกรมที่เขียนสำเร็จรูปแล้วมาใช้งานในระบบก็ได้  หลังจากเขียนโปรแกรมแล้วเราก็ควรทำการทดลองว่าโปรแกรมใช้งานได้เหมาะสมกับการทำงานของบริษัทหรือไม่  ซึ่งในขั้นตอนนี้มีกระบวนการทำงานดังนี้
1.               เขียนโปรแกรม
2.               ทดสอบโปรแกรม
3.               ติดตั้งระบบ
4.               จัดทำเอกสาร สรุปผลการทำงานของระบบ

ขั้นตอนที่   7   การซ่อมบำรุงระบบ

อาจจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการปรับปรุงระบบ  เพราะหลังจากได้ระบบใหม่มาแล้ว  เราก็นำเอาระบบที่ได้มานี้ทำการแก้ไขหากระบบที่ได้มาเกิดข้อผิดพลาด
แผนการดำเนินงานของโครงการ

                แผนการดำเนินงานของโครงการที่ต้องการวิเคราะห์ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง  คือ ระบบการขาย  การจัดเก็บข้อมูลสินค้า  และส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้
                -  ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ
                -  ประมาณการใช้ทรัพยากร
                -  ประมาณการใช้งบประมาณ
                -  ประมาณระยะเวลาดำเนินงาน

ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ

                ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับมอบหมาย    อาจจะเป็นบุคคลที่มีความรู้ในด้านของระบบที่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่ทำงานอยู่ในบริษัทหรือทางบริษัทจ้างให้ทำการวิเคราะห์ระบบ  ซึ่งบุคคลจะต้องดำรงตำแหน่งเกี่ยวกับการดูแลระบบ  เช่น 

1.  นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ  เป็นบุคคลที่มีความรู้ในเรื่องของการทำงานของระบบสารสนเทศที่นำมาใช้   ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ  ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูลและติดต่อประสานงานระหว่างผู้ใช้  พนักงานหรือทีมโปรแกรม  จำทำเอกสารของระบบรวมถึงการทดสอบโปรแกรมของระบบ    และอื่น ๆ   ที่เกี่ยวข้อง

2.  โปรแกรมเมอร์   ได้แก่  เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ 2 คน  ทำหน้าที่ในการเขียนและติดตั้งโปรแกรมของระบบที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลง  รวมทั้งทดสอบโปรแกรมของระบบใหม่ 

ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
                จากดังกล่าวเราอาจจะมีการแบ่งงานออกเป็นทีมหรือว่ามีการระบุหน้าที่ให้แต่ละฝ่ายหรือแต่ละคนทราบ  เพื่อที่งานจะประสบผลสำเร็จ  ปัจจุบันทางบริษัทได้มีการใช้ระบบเครือข่าย  LAN  อยู่แล้วหรือเครือข่ายที่มีความเร็วสูงกว่านี้  มีรายละเอียดพอเข้าใจดังนี้
                                1.  เครื่องแม่ข่าย(Server)                       จำนวน 3 เครื่อง
                                2. เครื่องลูกข่าย(Workstation)              จำนวน 20  เครื่อง
                                3.  เครื่องพิมพ์(Printer)                         จำนวน  4 เครื่อง
ปัจจุบันทางบริษัทได้นำเทคโนโลยีหลายอย่างมาใช้ในการบริหารงาน  ซึ่งปัจจุบันมีรายละเอียดดังนี้
1.               ระบบโปรแกรม  1  ระบบ
2.               เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและลูกข่ายตามจำนวนที่บริษัทต้องการ
3.               บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการทำงานของโปรแกรม
4.               อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบ


สรุปแล้วงบประมาณที่ใช้พอสรุปในของแต่ละฝ่ายได้ดังนี้

1.  ในส่วนของผู้บริหาร
                -  ค่าตอบแทนสำหรับทีมงานพัฒนา
                     *   นักวิเคราะห์และออกแบบระบบโปรแกรมเมอร์    50000
2.  แผนกทุกแผนกที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ
                -  ค่าการฝึกอบรมพนักงานใหม่เกี่ยวกับระบบใหม่                           15000
3.               การจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ      
                 -  เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่ใช้ในการลงระบบ               30000     
                 -  อื่น ๆ                                                                                  5000       

ประมาณการใช้งบประมาณ

                จากรายการดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ  ที่ทางองค์กรจ่ายในการปรับปรุงระบบ   ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ที่ใช้เพราะในแต่ละองค์กรจะมีหลายแผนกในการทำงานและงานในแต่ละระบบจะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก  ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงไม่เท่ากัน

ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน

ระยะเวลาในการดำเนินงานการวิเคราะห์ระบบของบริษัทดัชชมิลล์  ที่ต้องการนำระบบมาใช้ในการทำงานในส่วนของระบบคลังสินค้าเพื่อความสะดวกในส่วนของบริษัทและวัตถุดิบในการผลิต  ซึ่งก่อนที่จะได้เริ่มทำงานนั้นเราจะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาถึงขั้นตอนต่าง ๆ 

ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน

                จากดำเนินการดังกล่าวระยะเวลาที่ใช้จริง ๆ ในการวิเคราะห์อาจจะไม่พอแต่เพื่อเป็นการสรุปอย่างคร่าว ๆ ว่าเราได้ดำเนินการอะไรไปบ้างและระบบใหม่ที่ได้จะเสร็จภายในกี่วัน  ซึ่งเราก็ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว
รายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหาร

จากการศึกษาปัญหาที่พบจากระบบเดิมของบริษัทดัชมิลล์ จำกัด  ส่วนใหญ่บริษัทจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้แล้วบางส่วนแต่บางระบบก็ต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น  ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องมีการจัดทำระบบใหม่ขึ้น  เมื่อเราทำการวิเคราะห์ระบบแล้วขั้นตอนต่าง ๆ ที่เราได้ทำก็จะจัดทำรายงานสรุปผลสำหรับผู้บริหารเพื่อให้ทราบขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ซึ่งจะมีขั้นตอนประกอบย่อย ๆเพื่อความเข้าใจง่าย 4  ด้านดังนี้

1.               ความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค  
ในส่วนนี้อาจจะเกี่ยวกับ  ฮาดร์แวร์  และซอฟต์แวร์ขอระบบเดิมว่ามีการใช้ส่วนใดบ้าง เช่น โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อใช้งานในด้านต่าง ๆ และอุปกรณ์อื่น 

2.               ความเป็นไปได้ทางด้านการปฏิบัติงาน
ทำการศึกษาด้านต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานของผู้ใช้ของระบบใหม่ที่จะนำมาใช้กับบริษัท ซึ่งขั้นตอนนี้จะเกี่ยวกับการทดสอบ  การทดลองของระบบว่าระบบใหม่นี้มีผลต่อการทำงานของบริษัทอย่างไร
จากการทำงานของนักวิเคราะห์ระบบผลที่ได้ประสบผลสำเร็จระบบที่ได้เป็นที่ตรงตามความต้องการของบริษัท
---------------------------------------------------------------
ขั้นที่  3

(System Requirements Determination)  

การกำหนดความต้องการของระบบ 

                เมื่อโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานขายได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นคอนที่ผ่านมา  และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเบื้องต้นเพื่อค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้นมาบ้างแล้ว  ในขั้นตอนการวิเคราะห์ระบบ  จึงเริ่มต้นด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม  ซึ่งรวมทั้งรายละเอียดในการทำงานในปัจจุบันและความต้องการในระบบใหม่  เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม

                ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้  ทีมงานเลือกใช้วิธีการออกแบบสอบถา(Questionnaire)  สำหรับวิธีการออกแบบสอบถาม   ทีมงามสามารถกำหนดคำถามที่ต้องการได้ตรงประเด็นเหมาะกับผู้จัดการแผนกที่มีเวลาให้สัมภาษณ์น้อยและผู้ตอบแบบสอบถามมีอิสระในการให้คำตอบ       ซึ่งบุคคลที่ทางทีมงานเลือกที่จะออกแบบสอบถามมีดังนี้ 

                ออกแบบสอบถาม (Questionnaire)   บุคคลที่ตอบแบบสอบถาม คือ  ผู้จัดการแผนกต่าง ๆ การใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในส่วนที่ต้องการพัฒนา  เนื่องจากทีมงานสามารถควบคุมหัวข้อคำถามที่ต้องการรายละเอียดได้มากกว่าการสัมภาษณ์  ไม่ต้องมีการจดบันทึก  ดังเช่น  วิธีการสัมภาษณ์  ซึ่งจะทำให้เสียเวลามาก  ไม่รวบกวนเวลาของผู้จัดการมากนัก  สามารถเก็บข้อมูลได้มาก  ตามการตั้งคำถามในแบบสอบถามอีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกมีอิสระในการให้ข้อมูลดังตัวอย่าง

ข้อมูลและเอกสารของระบบงานเดิมที่รวบรวมได้

                จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากระบบเดิม  ด้วยวิธีการออกแบบสอบถาม  สามารถสรุปข้อมูลได้ดังนี้

1.               ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ระบบเดิม
2.               ความต้องการในระบบใหม่
3.               ตัวอย่างเอกสาร  แบบฟอร์มและรายงานของระบบเดิม

1.  ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ระบบเดิม   ทางบริษัทใช้ระบบเครือข่ายแบบ  LAN   ประกอบไปด้วย
1.               เครื่องแม่ข่าย  (Server)  จำนวน  2  เครื่อง
2.               เครื่องลูกข่าย  จำนวน  15  เครื่อง
                3.  เครื่องพิมพ์(Printer)   จำนวน 2 เครื่อง
                4.  อุปกรณ์ในการต่อพวงอื่นที่เกี่ยวข้องที่ทางบริษัทได้นำมาใช้งานของสำนักงานเป็นต้น

2.  ความต้องการในระบบใหม่  จากแบบสอบถามทางทีมงานสามารถสรุปความต้องการในระบบใหม่ได้ดังต่อไปนี้

1.  องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของคลังสินค้าได้
2.  องค์กรสามารถตัดสินใจในการจัดจำหน่ายสินค้าได้
3.  องค์กรมีผลการดำเนินการที่ดีขึ้น
4.  ขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ที่มีความรวดเร็ว
5.  ขั้นตอนการซื้อ-รับคืนวัตถุดิบ  มีความถูกต้อง ชัดเจนและรวดเร็วในการทำงาน
6.  การติดต่อซื้อวัตถุดิบได้สะดวกรวดเร็วเพราะเรามีข้อมูลของวัตถุดิบ
7. สามารถจัดเก็บข้อมูลวัตถุดิบ ทำให้การซื้อวัตถุดิบได้รวดเร็วและถูกต้อง และมีเอกสารยืนยันให้
8.  การทำงานของพนักงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
9.  สามารถรองรับการขยายตัวของบริษัทต่อไปได้
10. มอบความน่าเชื่อถือให้บริษัท
ความต้องการของระบบใหม่ของผู้ใช้  (User Requirement)
                จากการรวบรวมความต้องการของระบบใหม่ทำให้ทีมงานได้ข้อมูลเพิ่มเติม  จึงได้นำมาวิเคราะห์หาขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่  ตามความต้องการที่กล่าวมาแล้วขั้นต้นเช่น
1.               สามารถเรียกดูข้อมูลได้
2.               สามารถทำการเพิ่ม  ลบ  แก้ไขจำนวนข้อมูลที่ต้องการได้
3.               สามารถเก็บประวัติข้อมูลของวัตถุดิบได้
4.               สามารถทำการสั่งซื้อวัตถุดิบและแสดงรายการใบเสร็จสั่งซื้อได้
5.               พนักงานขายสามารถใช้ข้อมูลและใช้งานระบบได้อย่างถูกต้อง  รวดเร็วและแม่นยำ
6.               เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแผนกคลังสินค้า
7.               การจัดทำรายงานมีความสะดวกและรวดเร็ว
8.               เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัท  และการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิก

เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าวข้างต้นสามารถแบ่งการทำงานออกเป็น  4  ระบบดังที่ได้กล่าวมาแล้ว คือ  ระบบงานคลังสินค้า  ระบบการขาย  ระบบบัญชี  ระบบจัดส่งสินค้า   จะเห็นได้ว่าทั้ง  4 ระบบนี้สามารถครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้   โดยทางทีมงานจะวิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานภายในแต่ละระบบย่อย  โดยจำลองเป็นแผ่นภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram: DFD)   และเจาะระบบตามที่ต้องการต่อไปเพื่อนำเสนอต่อไป

---------------------------------------------------------------
ขั้นที่่  4
(Process  Modeling)

ขั้นตอนการวิเคราะห์ความต้องการของระบบใหม่
(System Requirement Structuring) 



จากการวิเคราะห์ความต้องการระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้จากผู้ใช้ระบบ โดยสามารถจำลองได้ด้วยแผนภาพกระแสข้อมูล  (Data Flow Diagram : DFD)  ได้ดังนี้

อธิบาย  Context Diagram

                จาก  Context Diagram   ของระบบคลังสินค้าซึ่งสัญลักษณ์  Process  จะใช้แทนการทำงานทุกขั้นตอนของระบบนี้  โดย  External  Agents  ที่เกี่ยวข้องกับระบบการขายนี้ได้แก่    พนักงานคลังสินค้า  และผู้จัดการ  ซึ่งมีข้อมูลรับเข้าและส่งออกระหว่าง  External Agents  ดังกล่าวกับระบบทำให้ทราบโดยภาพรวมว่าระบบการขายนี้ทำอะไรได้บ้าง  และเกี่ยวข้องกับใครบ้าง  (แต่จะไม่ทราบว่าทำอย่างไร)  สามารถอธิบายเอกสารข้อมูลที่อยู่บน  Data Flows  เข้าและออกระหว่าง  External Agents  ของระบบได้ดังนี้
 

1.  พนักงานคลังสินค้า
                -  ส่งข้อมูลเกี่ยววัตถุดิบ
-  รับรายงานเกี่ยวกับวัตถุดิบ

2.  ผู้จัดการ
-  ข้อมูลการอนุมัติการปรับปรุงจำนวนวัตถุดิบ 
-  รายงานการตรวจยอดสูญหาย


อธิบาย  DFD  LEVEL    0

                จาก  Context Diagram  ทีมงานสามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานภายในระบบการขายออกเป็น  3  ขั้นตอน  (Process)  ด้วยการวิเคราะห์จากความต้องการของผู้ใช้ (User  Requirements)  ที่รวบรวมมาได้  ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  โดยการแบ่งแยกแต่ละ Process  ตามหมวดหมู่ของข้อมูล  ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1.  Process  1  จัดการข้อมูล  เป็นระบบการจัดการคลังสินค้าที่จัดการข้อมูลทั้งหมดของระบบ  สามารถอธิบายข้อมูลเข้าและออกจาก  Process    ดังต่อไปนี้ 

                -  เมื่อพนักงานต้องการปรับปรุงข้อมูลหรือว่าเรียกดูข้อมูลที่ต้องการจะส่งข้อมูลที่ต้องการปรับปรุงเรียกดูเข้าสู่ระบบจากนั้น  Process   จะทำการดึงข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลรับคืนวัตถุดิบหรือแฟ้มสั่งจ่ายวัตถุดิบมาทำการปรับปรุง  เมื่อทำการปรับปรุงเรียบร้อย  Process  จะส่งข้อมูลไปจัดเก็บในแฟ้มข้อมูลเดิม  ข้อมูลที่ได้ผ่านการปรับปรุงเรียกดู  Process  จะทำการส่งข้อมูลที่พนักงานต้องการเรียกดูไปให้กับพนักงาน

2.  Process  2  บันทึกรายการ    เป็นระบบการจัดการคลังสินค้าที่ทำการค้นหาข้อมูลวัตถุดิบ  สามารถอธิบายข้อมูลเข้าและออกจาก Process  ดังต่อไปนี้
                -  เมื่อต้องการสืบค้นข้อมูลวัติดิบ จะทำการส่งรายการที่ต้องการค้นหาเข้าสู่ระบบ  จากนั้น  Process  จะทำการดึงข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลวัตถุดิบแล้วระบบจะทำการแสดงรายการที่ค้นหา

3.  Process  3  รายงาน  เป็นระบบการจัดการคลังสินค้าที่จัดการข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งซื้อวัตถุดิบ สามารถอธิบายข้อมูลเข้าและออกจาก  Process    ดังต่อไปนี้ 
                -  เมื่อต้องการสั่งซื้อวัตถุดิบจะส่งรายการสั่งซื้อวัตถุดิบเข้าสู่ระบบ  จากนั้น  Process จะทำการประมวลผล  เมื่อประมวลผลเสร็จเรียบร้อยจะนำข้อมูลไปบันทึกที่แฟ้มข้อมูลการสั่งซื้อและจะส่งใบสั่งซื้อวัตถุดิบ

---------------------------------------------------------------
ขั้นที่ 5
แบบจำลองข้อมูล(Data Modeling)

ขั้นตอนการกำหนดความต้องการของระบบด้วย  E-R  Diagram   



                นอกจากการจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ(Process Modeling)  ด้วยแผ่นภาพกระแสข้อมูล  (Data Flow Diagrma)  ในการกำหนดความต้องการของระบบแล้วยังต้องจำลองข้อมูล(Data Modeling)   ทั้งหมดในระบบด้วยแผนภาพแสดงความสัมพัทธ์ระหว่างข้อมูล  (Entity Relationship  Diagram:E-R Diagram)  โดยข้อมูลนั้นมีความหมายรวมทั้งแต่ข้อมูลที่อยู่บนเอกสารหรือรายงานต่าง ๆ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบบ  ซึ่งแบบจำลองทั้ง  2  ที่แสดงให้เห็นเป็นแบบจำลองของระบบการจัดการคลังสินค้า  ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่จะนำมาใช้แทนระบบเดิมของบริษัท  ส่วนข้อมูลเดิมของบริษัท  ในที่นี้ไม่ได้ทำการจำลองแบบไว้  เนื่องจากเป็นการลดขั้นตอนการพัฒนาระบบทำให้ใช้ระยะเวลาน้อยลงนั่นเอง 
---------------------------------------------------------------

 (Physical Database Design)  

การออกแบบฐานข้อมูลในระดับ Physical ของระบบการจัดการคลังสินค้า

                โครงการพัฒนาระบบจัดการคลังสินค้า ได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนการออกแบบฐานข้อมูลในระดับ Physical โดยทางทีมงานเลือกใช้ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database) ดังนั้นในขั้นตอนนี้ทางทีมงานจึงเริ่มต้นด้วยการกำหนดโครงสร้างทางกายภาพให้กับ Table ซึ่งก็คือ Relation ที่ได้จากการแปลง Entity และ Relationship จาก E-R Diagram ในขั้นตอนที่ผ่านมานั่นเอง ในแต่ละ Table (Relation) ประกอบไปด้วย Attribute ต่างๆมากมาย ที่จะต้องกำหนดชนิด ขนาด และความกว้างของข้อมูลรวมทั้งประเภทของคีย์ (Key) ของ Attribute ให้กับแต่ละ Table ในระบบจัดการคลังสินค้า




---------------------------------------------------------------
ขั้นที่  7
การพัฒนาและติดตั้งระบบ (System Implementation)  

คู่มือการใช้งานโปรแกรมระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการสินค้าคงคลัง

                ทีมงานได้จัดทำเอกสารคู่มือการใช้งานโปรแกรมของระบบคลังสินค้า เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระบบสามารถเข้าใจการทำงานของโปรแกรมมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


โปรแกรมระบบการขาย เป็นโปแกรมที่ทำงานในระบบสารสนเทศเพื่อการขาย ซึ่งประกอบด้วยระบบย่อยทั้งหมด 5 ระบบได้แก่
1.  ระบบจัดการข้อมูล  เป็นระบบเพื่อการปรับปรุงข้อมูล  และสามารถจัดการกับข้อมูลเหล่านั้นได้ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม  ลบ  แก้ไข  ตามความต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
2.  ระบบบันทึกรายการ  เป็นระบบเพื่อบันทึกวัตถุดิบ  รายละเอียดวัตถุดิบ  ซึ่งระบบจะทำการส่งผลการสืบค้นแสดงทางหน้าจอทันที
3.  ระบบรายงาน เป็นระบบที่บันทึกรายงานการส่งจ่ายและรับคืนวัตถุดิบ ซึ่งระบบนี้จะทำการส่งผลการสืบค้นทันที